วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2556

บอดี้การ์ดหญิง เกาหลีใต้


บอดี้การ์ดหญิงเกาหลีใต้

            บอดี้การ์ดหญิง ของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เข้าร่วมการฝึกซ้อมการรักษาความปลอดภัย เพื่ออารักขาผู้นำ ร่วมกับ บอดี้การ์ดชาย โดยการฝึกซ้อมแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการใช้ศิลปะการต่อสู้ด้วยมือเปล่า แบบกังฟู และคาราเต้  แสดงให้เห็นความสามารถของบอดี้การ์หญิง ที่มีความหลากหลาย และกำลังเป็นที่นิยมไม่แพ้ ชาย 
 
            ก่อนที่จะได้รับภารกิจอันสำคัญในการคุ้มครองบุคคลสำคัญ  บอดี้การ์ด ชาย / หญิง  ต้องผ่านการฝึกที่หนัก จากหน่วยรบพิเศษ  ทั้งใน และต่างประเทศ  เมื่อรับภารกิจสำคัญ บอดี้การ์ด ชาย / หญิง  ก็จะต้องได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มข้น  ขนาดที่หลายคนบอกว่า  กว่าจะผ่านมาเป็น บอดี้การ์ด ได้  จะต้องผ่านช่วงเวลาที่หนักหนาสาหัส เพื่อให้สามารถรักษาความปลอดภัยแก่ประธานาธิบดีได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยต้องซ้อมให้พร้อมรับทุกสถานการณ์  รวมไปถึงการยอมเป็นโล่มนุษย์ สละชีวิตแทนท่านผู้นำก็ต้องทำให้ได้
 
 
 

วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2556

The Swiss Guard - สวิสการ์ด กองทหารที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังประจำการอยู่


 

        The Swiss Guard – สวิสการ์ด เดิมเป็นทหารรับจ้างที่ขึ้นชื่อมาตั้งแต่ยุคกลางครับ   ประวัติยาวนานกว่าทหารกุรข่าเยอะ  จนกระทั่งไปสร้างวีรกรรมที่นครวาติกัน  ทางวาติกันประทับใจมาก  ก็เลยให้เป็นการ์ดในนครวาติกัน  นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาวีรกรรมที่เด่นๆ  ก็อันนี้ล่้ะครับ
ย้อนกลับไปในยุคกลาง


        สงครามในคาบสมุทรอิตาลีได้เริ่มขึ้นและเมื่อบรรดาทหารรับจ้างชาวสวิสได้ยินว่า พระเจ้าชาร์ลที่ 8 กษัตริย์ฝรั่งเศสวางแผนทำสงครามใหญ่กับเนเปิล  พวกเขาก็รวมกลุ่มกันไปสมัครเข้าร่วมรบ จนกระทั่งถึงสิ้นปี ค.ศ.1494 กำลังนับพัน ๆ คนของพวกเขาก็รวมกันอยู่ในโรม โดยร่วมไปกับกองทัพฝรั่งเศส ในเดือนกุมภาพันธ์ ของปีถัดมา กองทัพฝรั่งเศสก็สามารถยึดครองเนเปิลได้สำเร็จ ในบรรดาผู้ที่ร่วมทัพในสงครามกับเนเปิลนั้น ได้รวมถึงพระคาดินัล กุยเลียโน เดลลา โรเวีย ผู้ซึ่งจะกลายเป็นสันตะปาปาจูเลียส ที่ 2 ในอนาคต  พระองค์ค่อนข้างคุ้นเคยดีกับชาวสวิส เพราะยี่สิบปีก่อนหน้านั้น พระองค์เคยเป็นหนึ่งในบรรดาผู้สอนศาสนา ที่เข้าไปในดินแดนของชาวสวิสมาก่อน



                                                            ( สันตะปาปาอเล็กซานเดอร์ที่ 6 )

แม้ว่าจะได้รับชัยชนะ  อย่างไรก็ตามสองสามเดือนหลังจากนั้น ขาร์ลที่ 8 ก็ถูกบีบให้ละทิ้งเนเปิล และต้องเร่งถอยทัพกลับฝรั่งเศส  ทั้งนี้ในความเป็นจริงนั้น   สันตะปาปาอเล็กซานเดอร์ที่6 ได้ทรงลอบทำการติดต่อกับทาง มิลาน, เวนิช และจักรวรรดิเยอรมัน เพื่อรวมแนวต่อต้านการขยายตัวของฝรั่งเศส การปฏิบัติการรบของทหารสวิสในครั้งนั้นเป็นที่ประทับใจพระคาดินัล กุยเลียโนมาก และอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้พระองค์ทรงจ้างทหารสวิส เป็นทหารองครักษ์เมื่อพระองค์ขึ้นเป็นพระสันตะปาปาในเวลาต่อมา  หลังจากมาประจำการที่วาติกันในปี ค.ศ. 1506 แล้ว ทหารองครักษ์สวิสได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง วีรกรรมครั้งสำคัญที่เป็นที่จารึกของพวกเขาก็คือ ตอนที่กองทหารรับจ้างสเปนบุกโจมตีกรุงโรม ในวันที่ 6 พฤษภาคม ปี ค.ศ. 1527


                                                           (จักรพรรดิชาร์ลที่ 5 แห่งจักรวรรดิโรมัน)

         ในเวลานั้น จักรพรรดิชาร์ลที่5 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศํกสิทธิ์ได้ทำสงครามกับเหล่าพันธมิตรแห่งคอนแนค (Connac Leaque) อันประกอบด้วย ฝรั่งเศส, มิลาน, เวนิซ, ฟลอเรนซ์ และรัฐสันตะปาปา ในตอนนั้น สันตะปาปาคลีเมนต์ที่ 7 ได้ให้การสนับสนุนฝ่ายฝรั่งเศสในความพยายามเปลี่ยนขั้วอำนาจในภาคพื้นยุโรปและต้องการปลดปล่อยรัฐสันตะปาปาจากการควบคุมของจักรวรรดิ ทว่าความพยายามนี้ไร้ผล พระเจ้าชาร์ลสามารถเอาชนะกองทัพของเหล่าพันธมิตรได้ แต่หลังสงคราม พระเจ้าชาร์ลไม่ได้จ่ายเงินให้กับกองทหารรับจ้างตามข้อตกลงทำให้พวกนั้นไม่พอใจ ดังนั้นทหารรับจ้างจำนวนสองหมื่นนายที่ชุมนุมพลอยู่ใกล้กรุงโรมจึงยกกำลังเข้าโจมตีกรุงโรม โดยละเมิดข้อตกลงที่ฝ่ายจักรวรรดิทำไว้กับทางโรมในตอนเช้าของวันที่ 6 พฤษภาคม ปี ค.ศ. 1527 กองทหารรับจ้างชาวสเปนจากกองบัญชาการบนเนินเขากีอานิโคโล ก็ยกกำลังเข้าโจมตีประตูทอริออนี (Torrione Gate) หลังจากการโจมตีอย่างดุเดือดกองทหารสเปนก็บุกฝ่าเข้าไปได้ สำเร็จ กำลังพลฝ่ายโรมแตกพ่ายยับเยิน  หน่วยทหารองครักษ์สวิส ยืนรักษาที่มั่นอยู่ตรงเสาโอเบลิก (ปัจจุบันคือบริเวณจตุรัส เซนต์ปีเตอร์) ร่วมด้วยทหารชาวโรมจำนวนเล็กน้อย พวกเขายังคงยืนหยัดต้านทานแม้จะสิ้นหวัง หัวหน้าของทหารองครักษ์สวิส ชื่อ กัสปาร์ รอยส์ (Kaspar Röist) ได้รับบาดเจ็บระหว่างการต่อสู้และถูกฆ่าในที่พักทหารในเวลาต่อมา โดยทหารรับจ้างชาวสเปนต่อหน้าภรรยาของเขา พร้อมด้วยทหารสวิสอีก 189 นายที่พลีชีพในศึกครั้งนั้น มีเพียง 42 นายเท่านั้นที่รอดชีวิต กำลังส่วนหนึ่งที่รอดชีวิต ภายใต้การนำของ เฮอร์คิวลีส โกลด์ลี (Hercules Göldli) ได้คุ้มครอง สันตะปาปาคลีเมนต์ที่ 7 ล่าถอยไปตามเส้นทางลับที่สันตะปาปาอเล็กซานเดอร์ที่ 6 เคยสร้างไว้ เส้นทางนี้เชื่อมระหว่าง วาติกันกับปราสาท เซนต์ เองเจโล (Castel Sant’Angelo) ซึ่งเป็นที่ที่สันตะปาปาคลีเมนต์ที่ 7 ไปลี้ภัยที่นั่น ในการปล้นสะดมครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิตกว่าหนึ่งหมื่นคน ทรัพย์สินถูกปล้นไปเป็นจำนวนมหาศาลรวมทั้งสุสานของอดีตพระสันตะปาปา ก็ยังถูกทำลายไปด้วย


                                                                (  จตุรัส เซนต์ปีเตอร์ ในปัจจุบัน )

         แม้ว่าการปล้นสะดมในครั้งนี้ ดูเหมือนจะทำให้พระเจ้าชาร์ลได้รับความอับอายและเสียพระพักตร์ที่ไม่อาจทรงควบคุมกองทหารของพระองค์ได้  แต่การณ์กลับเป็นว่าพระองค์เองก็ไม่ได้ทรงไม่พอพระทัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นสักเท่าไหร่  เพราะในความเป็นจริงแล้วสิ่งที่ทหารพวกนี้ทำนั้น ก็เป็นการต่อต้านองค์สันตะปาปามากกว่าและพระเจ้าชาร์ลก็อาจทรงเห็นว่านี้คือการให้บทเรียนแก่สันตปาปาที่คิดจะต่อต้านพระองค์  หลังจากนั้นไม่นาน สันตะปาปาคลีเมนต์ที่ 7 ก็ยอมจำนน และทรงใช้ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ในชีวิตของพระองค์โดยการหลีกเลี่ยงการกระทำใด ๆ ที่จะสร้างความขัดแย้งกับทางจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
  ( ทหารรับจ้างชาวสวีส )

        เห็นสีเจ็บๆแบบนี้ชุดนี้ออกแบบ  โดย ลีโอนาโด ดาวินชี่  เชียวนะครับ  เครื่องแบบก็ไม่ได้เปลี่ยนมาตั้งแต่สมัยนั้นนั่นแล

                                         ( ยุคสมัยเปลี่ยนไป อาวุธก็เปลี่ยนตามปืนไรเฟิลแบบจู่โจม)

         อย่างไรก็ตามวีรกรรมที่ยิ่งใหญ่ในการปกป้ององค์สันตะปาปาของเหล่าทหารองครักษ์ชาวสวิสในครั้งนั้น ได้สร้างความประทับใจให้กับทางวาติกันและทำให้ทางวาติกัน ยังคงจ้างทหารสวิส เป็นทหารรักษาการณ์ในวาติกันตราบมาจนถึงปัจจุบัน ทุกวันนี้ในวาติกันมีทหารสวิสรักษาการณ์อยู่ประมาณ 100 นาย และมีการเกณฑ์ทหารใหม่เข้ามาแทนที่กองกำลังที่ลาออกไป โดยผู้ที่จะมาเป็นทหารนั้น ต้องนับถือนิกายโรมันคาทอลิก และต้องผ่านการเกณฑ์ทหารมาแล้ว อีกทั้งยังต้องได้รับการรับรองจากโบสถ์ในท้องถิ่นด้วย และในวันที่ 6 พฤษภาคม ของทุกปี จะเป็นวันที่บรรดาทหารใหม่ทำการปฏิญาณตน



 


วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2556

บอดี้การ์ด ยอมตายให้นายรอด



         โลกเราทุกวันนี้กำลังร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากสภาพ อากาศ และความร้อนแรงของสถานการณ์ทางการเมืองในหลายภูมิภาคที่มีอาชญากรรม และการก่อการร้ายมากขึ้น ทำให้อาชีพหนึ่งกลายเป็นอาชีพที่กำลังรุ่ง คือ องครักษ์ หรือ บอดี้การ์ด   ใช้สำหรับ คุ้มกัน คุ้มครอง บุคคลสำคัญ  สถานที่สำคัญ  คนรวย (สำหรับภาคธุรกิจเอกชนทั่วไปก็นิยมใช้เหมือนกัน แต่เรียกว่า ยาม หรืออาจจะเรียกดูดีหน่อย คือ รปภ. เจ้าหน้าที่รักกษาความปลอดภัย นั้นเองครับ )

         อันที่จริง บอดี้การ์ดเป็นอาชีพที่มีมาเนิ่นนานแล้ว อาจจะเป็นหนึ่งในอาชีพที่เก่าแก่พอๆกับพัฒนาการของระบบสังคมโลก  ที่ผู้มีอำนาจ หรือร่ำรวยมักจะวิตกกังวลในเรื่องความปลอดภัย 
และต้องมีองครักษ์พิทักษ์กายไว้ใกล้ๆ  ใน หลากหลายรูปแบบ อาจจะเริ่มจากคนในบ้าน คนสนิทที่ไว้ใจ เรื่อยมาจน ถึง ทหาร ตำรวจ  และ เหล่าบอดี้การ์ด มืออาชีพ ที่มีการตั้งเป็นองค์กรโดยเฉพาะ

 
        The Swiss Guard - สวิสการ์ด กองทหารของพระสันตะปาปา (กองทหารที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังประจำ­การอยู่)
 
        หากมองในรูปขององค์กรแล้ว หน่วยงานที่มีชื่อเสียง มายาวนานที่สุดหน่วยงานหนึ่ง เห็นจะเป็นกลุ่มที่เรียกว่า The Swiss Guard  สวิสการ์ด อันมีประวัติมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 15 ซึ่ง กษัตริย์ฝรั่งเศสจัดตั้งกององครักษ์ขึ้นในพระราชวัง โดยใช้เหล่าทหารมืออาชีพจากสวิตเซอร์แลนด์ ที่ขึ้นชื่อในเรื่องความ มีระเบียบวินัยที่สุดในโลก แถมยังมีประสิทธิภาพล้นเหลือในการดูแลความปลอดภัยอย่างยอดเยี่ยม

 
        ล่วงมาจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 18  The Swiss Guard  สวิสการ์ดยังคงมีบทบาทอย่างสูงในการปกปักรักษาเชื้อพระวงศ์ในปารีส จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ปฏิวัติฝรั่งเศสใน ค.ศ.1792  The Swiss Guard  สวิสการ์ด ราว 900 นาย ก็ช่วยกันป้องกันพระราชวังตุยเลอรีส์ จนตัวตาย เกือบทั้งหมด แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญอย่างยิ่งยวด


        อนุสาวรีย์สิงโต แกะสลักริมหน้าผา มีภาษาละตินจารึกอยู่ว่า "Helvetiorum Fidel ac Virtuti" 
อันมีความหมายถึงความกล้าหาญ ซื่อสัตย์และเสียสละ ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด่ทหารสวิสที่เสียชีวิตจากการปกป้อง พระราชวังตุยเลอลีสในฝรั่งเศส 


 
 
        ถึงทุกวันนี้ The Swiss Guard  สวิสการ์ด ก็ยังคงเป็นกองกำลังที่ได้รับความ เชื่อถือ และทำหน้าที่อันทรงเกียรติอยู่ในประเทศที่เล็กที่สุด ประเทศหนึ่งของโลก แต่เป็นอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญที่สุดของคริสต์ศาสนิกชน นั่นคือ นครวาติกัน ซึ่งสวิสการ์ดเข้าประจำการรับหน้าที่รักษาความปลอดภัยแก่องค์สันตะปาปา มาตั้งแต่ ค.ศ.1506 จนถึงปัจจุบันก็นับได้กว่า 500  ปีเข้าไปแล้ว ที่สวิสการ์ด ผู้แต่งกายด้วยชุดฟอร์มหลากหลายสีสันเป็นหนึ่งใน สัญลักษณ์ที่สำคัญของวาติกัน